ไมโครซอฟต์ MOU รัฐบาลไทย เพิ่มทักษะกองทัพผู้นำคุม AI

by ESGuniverse, 1 พฤษภาคม 2567

งานวิจัยโดยบริษัทที่ปรึกษาเคียร์เน่ (Kearney) บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญในการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ ได้ คาดการณ์ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) ถือเป็นคลื่นลูกใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่สามารถเพิ่มมูลค่าการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน )ได้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 37,000 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2030

โดยในจำนวนนี้ คิดเป็นสัดส่วน GDP ของประเทศไทยที่จะมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 117,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.3 ล้านล้านบาท) นี่คือโอกาสสำคัญที่ไทยจะต้องเร่งคว้าคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจยุคดิจิทัล

AI ไม่ได้เป็นผู้แทนที่มนุษย์ แต่เป็นเครื่องมือ และผู้ช่วย ดังนั้นจึงต้องปรับวิธีคิด นำการใช้ประโยชน์จาก AI มาขับเคลื่อนธุรกิจให้ยั่งยืน ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริการ เพิ่มความชัดเจนแม่นยำในการตัดสินใจผ่านข้อมูลซับซ้อน หลากหลาย ช่วยกำหนดกลยุทธ์และป้องกันความเสี่ยง พัฒนานวัตกรรม เพิ่มความสามารถในการปรับตัว ช่วยเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจด้วยการวิเคราะห์พลังงาน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ภายในงาน “Microsoft Build: AI Day” มีนักพัฒนาและผู้นำจากภาคธุรกิจและเทคโนโลยีในประเทศไทยกว่า 2,000คนเข้าร่วม โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาร่วมกล่าวเปิดงาน

นายกประกาศร่วมมือดันไทยศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล

นาย เศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐถา วิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง’ มีเป้าหมายที่จะยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศในการสรรค์สร้างนวัตกรรม งานวิจัยและพัฒนา ตลอดจนยกระดับขีดความสามารถแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“การประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ในวันนี้ เป็นก้าวสำคัญของเราบนเส้นทางสู่วิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND มุ่งสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคนได้เติบโต สร้างสรรค์นวัตกรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น”

ไมโครซอฟต์ ตั้งดาต้าเซ็นเตอร์
เสริมทักษะคนไทยก้าวสู่สังคมAI

ด้านนายสัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการและซีอีโอของไมโครซอฟท์ กล่าวถึงแผนงานการพัฒนาธุรกิจควบคู่กับการพัฒนาทักษะคน ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพโดดเด่นและโอกาสในการสร้างอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI ทางไมโครซอฟท์ ได้เปิดศูนย์กลางการจัดเก็บข้อมูล (ดาต้าเซ็นเตอร์) ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ สำหรับคลาวด์และ AI รวมถึงการเสริมสร้างทักษะด้าน AI ล้วนเป็นแผนงานที่ต่อยอดพันธกิจของไมโครซอฟท์ เพื่อช่วยให้องค์กรไทย ทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนเติบโต ร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย

ฮับ AI & คลาวด์ แห่งอาเซียน

แผนงานของไมโครซอฟท์ในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ครอบคลุมถึงการจัดตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ระดับภูมิภาคแห่งใหม่ในประเทศไทย เพื่อขยายการให้บริการคลาวด์ในสเกลใหญ่ของไมโครซอฟท์ให้กว้างขวางทั่วถึงยิ่งขึ้น ทำให้เกิดเสถียรภาพและสมรรถนะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับองค์กรมากยิ่งขึ้น ทั้งยังรองรับมาตรฐานของประเทศไทยด้านการจัดเก็บและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างครบถ้วน

“แผนการขยายโครงสร้างพื้นฐาน สอดรับกับแนวโน้มความต้องการใช้งานบริการคลาวด์ที่เพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย ทั้งจากบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และหน่วยงานของภาครัฐ และยังจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถคว้าโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของทุกภาคส่วนด้วยเทคโนโลยี AI ล่าสุด”

อัพเกรดทักษะAI คนไทย 1 แสนคน
กองทัพแรงงานทักษะใช้ AI ขับเคลื่อนความสำเร็จ

ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศเป้าหมายที่จะช่วยสนับสนุนให้ประชากรกว่า 2.5 ล้านคนจากประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้าน AI โดยการฝึกอบรมและมาตรการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จะจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือกับรัฐบาล องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ภาคเอกชน รวมถึงชุมชนและกลุ่มผู้สนใจในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

สำหรับในประเทศไทย แผนงานด้านการเสริมทักษะของไมโครซอฟท์ในระยะแรกจะช่วยยกระดับความสามารถด้าน AI ให้กับคนไทยกว่า 100,000 คน โครงการ “AI Skills for the AI-enabled Tourism Industry” มุ่งเสริมทักษะด้าน AI ให้กับผู้ประกอบการและบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ

โครงการนี้จัดทำขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงแรงงาน สถาบันฝึกอบรมอาชีวศึกษาด้านเทคโนโลยี และไมโครซอฟท์ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่และเยาวชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยวในเมืองรองทั่วประเทศ

โครงการนี้มุ่งเน้นเพิ่มขีดความสามารถด้านการใช้งาน AI เพื่อภาคการท่องเที่ยวของผู้ฝึกสอน 500 คนจากสถาบันฝึกอบรมอาชีวศึกษาด้านเทคโนโลยี โดยผู้ฝึกสอนเหล่านี้จะนำความรู้และทักษะที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับเยาวชนและคนทำงานรุ่นใหม่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรม ผู้เข้าอบรมสามารถเข้าถึงเนื้อหาในหลักสูตรได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มเพื่อการเรียนรู้ที่ดูแลโดยพันธมิตรของไมโครซอฟท์ ทั้งยั้งสามารถขยายโครงการและการเรียนรู้ได้ในระยะยาวต่อไป

โครงการ AI Skills for the AI-enabled Tourism Industry เป็นอีกหนึ่งโครงการต่อยอดกิจกรรมด้านทักษะและการเรียนรู้ที่ไมโครซอฟท์ได้จัดขึ้นในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Accelerating Thailand, ASEAN Cyber Security Programme, Code; Without Barriers และ Junior Software Developer Program

นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังจะทำงานร่วมกับรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิดในการสนับสนุนนโยบาย “Cloud First” ของภาครัฐ ด้วยโครงการพัฒนาทักษะด้าน AI สำหรับข้าราชการและนักพัฒนาที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ

AI ทลายความเหลื่อมล้ำ มอบโอกาสสังคมเท่าเทียม

ทางด้าน นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ไมโครซอฟท์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้แข็งแรงและโดดเด่นยิ่งขึ้น ให้คนไทยทุกคนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากศักยภาพของเทคโนโลยีอย่างคลาวด์และ AI ที่จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตและชีวิตที่ดียิ่งขึ้น

“ความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับอนาคตของประเทศไทย ไม่เพียงแค่มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่ยังมอบโอกาสให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนอีกด้วย”

หนุนนักพัฒนา AI 6 พันราย สู่ผู้เชี่ยวชาญ

นายสัตยา ยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของนักพัฒนาในการกำหนดทิศทางของประเทศไทย เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลและ AI โดยไมโครซอฟท์ยังคงมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนการเติบโตของชุมชนนักพัฒนาในประเทศไทย ผ่านโครงการและกิจกรรมอย่าง AI Odyssey ที่มุ่งสนับสนุนให้นักพัฒนาชาวไทยกว่า 6,000 คน ยกระดับทักษะความสามารถขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ที่ครบเครื่องด้วยทักษะใหม่ๆ และการรับรองจากไมโครซอฟท์

"ประเทศไทยนับว่าเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วสำหรับ GitHub แพลตฟอร์มที่มีไมโครซอฟท์เป็นเจ้าของ ออกแบบมาเพื่อรองรับนักพัฒนาทั้งในการเขียนโค้ด ประสานงาน และสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีนักพัฒนาในประเทศไทยรวมกว่า 900,000 รายที่ใช้งาน GitHub หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า"

ปั้นนวัตกรรม Generative AI
โชว์เคส ขับเคลื่อนองค์กร

นอกจากนี้ หลายองค์กรในไทยยังได้นำนวัตกรรม Generative AI จากไมโครซอฟท์มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ทางธุรกิจ ประกอบด้วย

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ผู้นำด้าน digital life service provider ได้นำผู้ช่วย AI อย่าง Copilot for Microsoft 365 มาประยุกต์ใช้เพื่อให้พนักงานทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเข้ามามีบทบาทในหน่วยงานต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะในฝ่ายกฎหมาย นอกจากนี้ เอไอเอสยังได้นำ GitHub Copilot บริการ AI สำหรับช่วยเขียนโค้ด และ Azure OpenAI Service แพลตฟอร์มเพื่อการพัฒนา AI ในองค์กร มาใช้งานต่อยอดเพื่อสร้างสรรค์แอปพลิเคชันและผู้ช่วย AI ด้วยตนเอง

สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่นำนวัตกรรม AI มาขับเคลื่อนภารกิจเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของคนไทย โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนำบริการ Azure OpenAI Service, Azure Machine Learning และเทคโนโลยี

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของประเทศไทย ได้นำบริการ Azure OpenAI Service มาเป็นรากฐานของการสร้างสรรค์นวัตกรรมในองค์กร เพื่อมุ่งสู่การเป็น AI-first organization

โดยธุรกิจหลักของกลุ่มอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ ได้นำ Azure OpenAI Service มาใช้สนับสนุนการทำงานของแชทบอท “มณี” ให้ทำความเข้าใจคำถามของลูกค้าได้ชัดเจนและแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบริการลูกค้าได้ถึง 400,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 8 ล้านบาท) ต่อปี ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจในเครืออย่าง InnovestX ก็ได้นำ Azure OpenAI Service มาใช้รวบรวมข้อมูลผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในต่างประเทศ พร้อมด้วยบทวิเคราะห์จากหลากหลายแหล่ง มาสรุปเป็นรายงานที่อ่านง่ายและแม่นยำ

นอกจากนี้ SCBX ยังได้พัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อความในโซเชียลมีเดียที่มีความเข้าใจภาษาไทยอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อใช้งานภายในองค์กรโดยเฉพาะ จึงสามารถมอนิเตอร์บทสนทนาต่างๆ รวมถึงบริหารจัดการชื่อเสียงขององค์กรในโลกออนไลน์ได้ด้วยระบบอัตโนมัติที่มีถูกต้อง แม่นยำ และทันท่วงทียิ่งขึ้น

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่มีภารกิจในการร่วมพิจารณาและจัดทำร่างกฎหมาย ให้ความเห็นเชิงกฎหมายกับหน่วยงานของรัฐ ได้ประกาศว่าจะนำ Copilot for Microsoft 365 เข้ามาสนับสนุนการทำงานของนักกฎหมายที่ทำงานให้กับภาครัฐ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ภายในองค์กร

ทั้งนี้ ยังมีองค์กรและหน่วยงานอื่นๆ อีกมากมายในประเทศไทยที่กำลังทำงานร่วมกับไมโครซอฟท์อย่างใกล้ชิดเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจาก AI ไม่ว่าจะเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ หรือบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ผู้นำด้านธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์

ไมโครซอฟท์ยังทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ในด้านการแบ่งปันแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในโลกออนไลน์ ภัยไซเบอร์ จุดอ่อนในระบบและเทคโนโลยีต่างๆ พร้อมด้วยคำแนะนำในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของประเทศไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมรับมือกับความเสี่ยงในโลกยุค AI

นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังได้นำ AI มาใช้เสริมประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายใน ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในข้อมูลเชิงเศรษฐกิจ และปูทางไปสู่การวางนโยบายที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมยิ่งขึ้น